tag:blogger.com,1999:blog-36954705245305523712024-02-20T06:06:18.453-08:00พาเพลินณ๊oงกานต์ " ตัวเล็ก + นoนน้oย + "พาเพลินhttp://www.blogger.com/profile/01729684999920959185noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-3695470524530552371.post-13596543636177562012011-02-02T19:40:00.000-08:002011-02-02T19:40:25.302-08:00น่าสนใจ<div style="color: red; font-family: "Courier New",Courier,monospace;"><b><span style="font-size: x-large;">เวสป้า</span></b></div><div style="color: red;"><span style="font-size: small;"><br />
</span></div><div style="color: red;"><span style="font-size: small;">เวสป้า (อังกฤษ:vespa)เวสป้าในภาษาอิตาลีแปลว่า ตัวต่อ <br />
ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซด์สกู้ตเตอร์ เริ่มผลิตที่เมืองปอนเตเดรา ในแคว้นทัสคานี ประเทศ อิตาลี ในปี ค.ศ.1946 โดย piaggio & co,s.p.a</span></div><div style="color: red;"><span style="font-size: small;"><br />
</span></div><div class="separator" style="clear: both; color: red; text-align: center;"><span style="font-size: small;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEio34lJMRtlHJTHQxPbUeYPSo01oQ-tX7FIluNRBkHhvz4Qj-qvlckX79rrw_ivDk2PSCW5oJ9rRwWPbN_N7q3H65waEt6e1JKoUxCCiJUQubeETP5qH1NZuKVRz5C0HJuWK-FSz5Sw_ME/s1600/p7673780n1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEio34lJMRtlHJTHQxPbUeYPSo01oQ-tX7FIluNRBkHhvz4Qj-qvlckX79rrw_ivDk2PSCW5oJ9rRwWPbN_N7q3H65waEt6e1JKoUxCCiJUQubeETP5qH1NZuKVRz5C0HJuWK-FSz5Sw_ME/s400/p7673780n1.jpg" width="400" /></a></span></div><div style="color: red;"><span style="font-size: small;"> </span></div><div style="color: red;"><span style="font-size: small;">หลังสงครามโลกครั้งที่สอง piaggio ที่เติมโตในโรงงานผลิตชิ้นส่วนของเรือและส่วนเครื่องบิน หันมาผลิตเครื่องยนต์แบบง่ายๆ ในแบบ four-part p108 ให้กับรถเวสป้าที่โรงงาน pontedera จึงเกิดความคิดที่สร้างยานพาหนะเล็กๆไว้เดินทางขนส่งภายในโรงงานคือ mp5 หรือโดนัลดัค ซึ่งในรุ่นนี้ทำจากซากชิ้นส่วนของเครื่องบิน มันคือ scooter รถจักรยานยนต์คันเล็กๆ ที่มีล้อต่ำๆ ช่วยต่อการขับขี่ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันและราคาไม่แพงตอนสิ้นสุดสงครามโรงงาน ส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะผลิตอะไรได้ถนนและรางรถไฟถูกทำลายเรือต่าง ๆ ถูกทำลาย Tuscany มีร่องรอยมากมายจากสงครามรวมทั้งโรงงานของ Piaggio ที่เมือง Pontedera”Piaggio ถูกตั้งที่ Seastri Ponente ในเมืองเจนัวประเทศอิตาลีในปี ค.ศ.1881และเจริญเติบโตจนประสบผลสำเร็จภายใต้การผลักดันของ Rinaldo Piaggio</span></div><div style="color: red;"><span style="font-size: small;"> <br />
<img alt="" border="0" height="391" src="http://www.grandprixgroup.com/gpi/magmotor/417/scooter/6.jpg" width="500" /><br />
</span></div><div style="color: red;"><span style="font-size: small;">ลูกค้าของ Enrico ผู้ทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนของเรือด้วยความตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรม ทางเทคโนโลยี Rinaldo พยายามขยายส่วนของเขาออกไปจากการผลิตส่วนประกอบเรือ เขาจึงคิดเริ่มผลิตรางรถไฟ รถไฟ ปีค.ศ.1917 เขาได้เข้าทำกิจการต่อจากคนอื่นในการทำโรงงานผลิต เรือเร็วที่ Finale Ligune and Pisa ขณะที่มีสงครามลูกชายของเขาสองคนคือ Anmando และ Enrico ได้แบ่งกัน ทำธุรกิจ Anmando ควบคุม และจัดการ โรงงานที่ Sestri and Finale ส่วน Enrico ดูแลโรงงาน Tuscan ของ Pisa และPontedera หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 เหลือแต่โรงงาน Finale Ligure และบางส่วนของ SestriGenoa เท่านั้นความคิดดั้งเดิม Enrico จึงได้ตัดสินใจที่จะหยุดการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินที่ยาก และเป็น งานซับซ้อนหันมาผลิตเครื่องยนต์แบบง่ายในแบบ Four – Part P 108 ให้กับรถเวสป้า ที่โรงงาน Pontedera ซึ่งเคยผลิต radial engine (สำหรับเครื่องบิน) ซึ่งทำลายสถิติที่ทำไว้แล้ว 21 ครั้งก่อน นาย Enrico ยังเห็น ภาพการปรักหักพัง ที่เกิดขึ้นสงครามติดตาอยู่เขาเข้าใจว่าการจะแข่งขันกับ North American Company เป็นเรื่องยาก เขาจึงคิดที่จะนำคนงานที่เคยเป็นหัวหน้าคนงานคนนั้นกลับมาด้วยการที่มี เครื่องยนต์ พิเศษเหลืออยู่เพียงน้อยนิด จึงเกิดความคิดที่สร้างยานพาหนะเล็ก ๆไว้เดินทางขนส่งและสำรวจใน โรงงานคือ MP5 หรือโดนัลดัค <br />
ซึ่งในรุ่นนี้ทำจากซากชิ้นส่วนของเครื่องบินดังนั้นรูปร่างมันจึงมีความ น่าเกียจมากกว่าน่ารักอย่างเดียวกับที่พวกคนงานในโรงงาน เรียกเพราะมันมีรูปร่างแปลก ๆ มันคือ Scooter รถจักรยานยนต์คันเล็ก ๆ ที่มีล้อต่ำ ๆ ช่วยต่อการขับขี่ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันและราคาไม่แพง Enrico เห็นว่ารถจักรยานยนต์ใหม่ของเขาจะต้องทำให้คนอิตาลีหันมาขี่กันทั้ง ประเทศอิตาลีทั้งๆที่ประเทศอิตาลียังคงมีแต่ซากปรักหักพังและน้ำมันขาดแคลน CorradinoD’Ascanio ได้เป็นวิศวกรผู้ทำการออกแบบ และในเดือนธันวาคมปีค.ศ.1945.รถเวสป้ารุ่น MP6 ก็ถูกผลิตออกมาด้วย องค์ประกอบหลายอย่างที่สะดวกสบาย มีล้ออะไหล่ซึ่งขับขี่แบบง่ายๆถ้าในเวลาขับขี่รถติดก็มีที่กำบังกันน้ำ กระเด็นใส่จึงทำให้ประชาชนในประเทศอิตาลีเริ่มรู้จักรถจักรยานยนต์แบบ Scooter เมื่อ Enrico ได้ฟังเสียงรถ MP6 เขาร้องออกมาว่า”มันเหมือนตัวต่อ ร้องเลย”ตั้งแต่นั้นมา Enrico ก็เลยให้ชื่อเสียงเรียงนามเรียกรถนี้ว่า Vespa ซึ่งแปลว่าตัวต่อในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1946 Piaggio และ บริษัทของเขา ได้หยิบเอา ความคิดที่ดี ออกมาใช้ในการออกแบบ จากนั้นปีต่อ ๆ มาจึงผลิตรถเวสป้าในปีหนึ่งนั้น จะผลิตรถ vespa ออกมาหนึ่งรุ่นถึงสองรุ่น Dott. Enrico Piaggio เกิดเมื่อ 22 ก.พ. 1905 เป็นบุตรชายของ Rinaldo Piaggio จบการศึกษาที่ Genoa ทางด้าน Economic และ commerce เข้าร่วมธุรกิจของครอบครัว ในปี 1928 ตำแหน่งผู้จัดการโรงงาน Pontedena ภายหลังในปี 1938 พ่อของเขาได้เสียชีวิตลง Enrico จึงได้รับภาระบริหารงานทั้งหมด University of Pisa มอบปริญญาเอกทางด้าน วิศวกรรมให้ Enrico เขาเสียชีวิตลงในปี 1965 หลังจากผลิตรถเวสป้า ส่งขายทั่วโลกครบ 1000000 คัน หลังสงครามโลกครั้งที่2 จบลง โรงงานของ Enrico ถูกทำลายจากาการทิ้งระเบิดของเยอรมัน ในช่วงของการฟื้นฟูเศรษฐกิจการต้องการพาหนะที่ประหยัด มีมากจึงทำให้ Enrico เกิดความคิดที่จะนำชิ้นส่วนต่างๆ ในโรงงานนี้มาสร้างพาหนะนั้นนะ ที่มีคุณสมบัติระหว่าง Motorbike กับรถยนต์ในเดือนเมษายนปี 1945 Corradino D’Ascanio นักออกแบบในโครงการนี้ได้ ร่างภาพออกมาตัวถัง ทำจากเหล็ก แผ่นที่มีสันกระดูกกลางใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก 4-5 แรงม้า วางอยู่ตำแหน่งหลังเพื่อป้องกันการสกปรก ไม่เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆๆไปที่นั่งมีบังลมป้องกันเสื้อผ้าและขาและ สิ่งหนึ่งที่เขาบุกเบิกคือ การเปลี่ยนเกียร์ ที่คันบังคับจากมือซ้ายและโยงไปยังเครื่อง</span></div><div class="separator" style="clear: both; color: red; text-align: center;"><span style="font-size: small;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgEPPJK5Yi1AVVD3CPblnp7gdljvRwExQrj4dw92nNTlV6ebjpBjxPryvGGl7-ukP0BK5mBXGc6aYAmC0jYl5VKpmR7zhL21sl4AHtS0iRKvtQyjwUIh67OQ-wpqdsui7Itj4JJ3Kj32AE/s1600/19217688hp2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgEPPJK5Yi1AVVD3CPblnp7gdljvRwExQrj4dw92nNTlV6ebjpBjxPryvGGl7-ukP0BK5mBXGc6aYAmC0jYl5VKpmR7zhL21sl4AHtS0iRKvtQyjwUIh67OQ-wpqdsui7Itj4JJ3Kj32AE/s400/19217688hp2.jpg" width="295" /></a></span></div><div style="color: red;"><span style="font-size: small;"> <br />
<br />
</span></div><div style="color: red;"><span style="font-size: small;"> เมื่อ Enrico ได้เห็นแบบร่างในครั้งแรกเขาตั้งชื่อมันว่า Vespa เพราะมีรูปร่างคล้ายๆๆตัวต่อ (Wasp) Classic Scooter คำว่า “scooter” ที่หมายถึงยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์นั้น มีการให้ความหมายกว้างขวางมาก หลายๆคนมองว่า scooter คือยานยนต์ที่มีล้อขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สีสรรสดใส และราคาประหยัด จุดเด่นของ scooter ก็คือเพื่อตอบสนองผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ทางช่าง scooter มีการวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง <br />
<br />
<br />
scooter รุ่นแรกที่มีเครื่องยนต์ขนาดเพียง 98 cc ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีขนาด 125 cc ,150 cc, 200 cc. ตามลำดับปีค.ศ.1945.รถเวสป้ารุ่น MP6 ก็ถูกผลิตออกมาด้วย องค์ประกอบหลายอย่างที่สะดวกสบาย มีล้ออะไหล่ซึ่งขับขี่แบบง่ายๆถ้าในเวลาขับขี่รถติดก็มีที่กำบังกันน้ำ กระเด็นใส่จึงทำให้ประชาชนในประเทศอิตาลีเริ่มรู้จักรถจักรยานยนต์แบบ Scooter เมื่อ Enrico ได้ฟังเสียงรถ MP6 เขาร้องออกมาว่า”มันเหมือนตัวต่อ ร้องเลย”ตั้งแต่นั้นมา Enrico ก็เลยให้ชื่อเสียงเรียงนามเรียกรถนี้ว่า Vespa ซึ่งแปลว่าตัวต่อในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1946 Piaggio และ บริษัทของเขา ได้หยิบเอา ความคิดที่ดี ออกมาใช้ในการออกแบบ จากนั้นปีต่อ ๆ มาจึงผลิตรถเวสป้าในปีหนึ่งนั้น จะผลิตรถ vespa ออกมาหนึ่งรุ่นถึงสองรุ่น Dott. Enrico Piaggio เกิดเมื่อ 22 ก.พ. 1905 เป็นบุตรชายของ Rinaldo Piaggio จบการศึกษาที่ Genoa ทางด้าน Economic และ commerce เข้าร่วมธุรกิจของครอบครัว ในปี 1928 ตำแหน่งผู้จัดการโรงงาน Pontedena ภายหลังในปี 1938 พ่อของเขาได้เสียชีวิตลง Enrico จึงได้รับภาระบริหารงานทั้งหมด University of Pisa มอบปริญญาเอกทางด้าน วิศวกรรมให้ Enrico เขาเสียชีวิตลงในปี 1965 หลังจากผลิตรถเวสป้า ส่งขายทั่วโลกครบ 1000000 คัน หลังสงครามโลกครั้งที่2 จบลง โรงงานของ Enrico ถูกทำลายจากาการทิ้งระเบิดของเยอรมัน ในช่วงของการฟื้นฟูเศรษฐกิจการต้องการพาหนะที่ประหยัด มีมากจึงทำให้ Enrico เกิดความคิดที่จะนำชิ้นส่วนต่างๆ ในโรงงานนี้มาสร้างพาหนะนั้นนะ ที่มีคุณสมบัติระหว่าง Motorbike กับรถยนต์ในเดือนเมษายนปี 1945 Corradino D’Ascanio นักออกแบบในโครงการนี้ได้ ร่างภาพออกมาตัวถัง ทำจากเหล็ก แผ่นที่มีสันกระดูกกลางใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก 4-5 แรงม้า วางอยู่ตำแหน่งหลังเพื่อป้องกันการสกปรก ไม่เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆๆไปที่นั่งมีบังลมป้องกันเสื้อผ้าและขาและ สิ่งหนึ่งที่เขาบุกเบิกคือ การเปลี่ยนเกียร์ ที่คันบังคับจากมือซ้ายและโยงไปยังเครื่อง เมื่อ Enrico ได้เห็นแบบร่างในครั้งแรกเขาตั้งชื่อมันว่า Vespa เพราะมีรูปร่างคล้ายๆๆตัวต่อ (Wasp) Classic Scooter คำว่า “scooter” ที่หมายถึงยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์นั้น มีการให้ความหมายกว้างขวางมาก หลายๆคนมองว่า scooter คือยานยนต์ที่มีล้อขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สีสรรสดใส และราคาประหยัด จุดเด่นของ scooter ก็คือเพื่อตอบสนองผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ทางช่าง scooter มีการวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองจนกระทั่งเริ่ม มีการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กราคาถูกออกวางจำหน่าย ความนิยมในการใช้ scooter จึงลดน้อยลงผู้ครองตลาดการจำหน่าย scooter ในช่วงปี 1950 คือ บริษัทของอิตาลี 2 แห่งคือ piaggio และ innocenti ซึ่งเป็นผู้ผลิต vespa และ lambretta ทำให้เป็นที่อิจฉาของ ผู้ประกอบการรายอื่นทั่วโลก ในขนะที่ ยอดจำหน่ายสูงสุดของ scooter จะมีอายุเพียงสองทศวรรษเท่านั้น แต่โดยภาพรวมแล้ว scooter กลับมีอายุยืนนานถึงกว่า80ปี ข้อเขียนนี้เป็นการบรรยายสรุปการผลิต scooter เริ่มตั้งแต่ช่วงปี1900 และปิดท้ายด้วยการคาดการณ์ถึงความ เป็นไปได้ในอนาคตของ scooter จุดกำเนิด scooter (scooter origins)<br />
<br />
<br />
ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ Innoncenti แห่งมิลาน ได้ทำการเปิดตัวสินค้าด้วย Lambretta M (ต่อมาใช้ชื่อใหม่เป็น Model A)ออกมาในปี 1947 Lambretta ผลิตโดยใช้ตัวถังแบบเปิด(openframe) ทรงหลอด และไม่มีระบบป้องกันสภาพอากาศที่ดีนอกจากนั้นก็ไม่มีระบบกันกระเทือนอีกด้วย ดังนั้นจึงต้องอาศัยยางในล้อช่วยลดการกระแทก หลังจากนั้นไม่นานLambretta จึงทำการผลิตรุ่น B ออกมาแทน จากจุดนี้เอง ทั้ง Lambretta และ Vespa จึงได้ทำการแข่งขันกันอย่างหนัก เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในการตลาด อย่างไรก็ตาม Lambretta ยังยึดรูปแบบทรงหลอดอยู่ แต่ในบางครั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงจากระบบขับเคลื่อนด้วยเพลาไปใช้ระบบโซ่ หรือบางทีก็สลับกัน ส่วนทางด้าน Vespa นั้นก็ยังยึดระบบตัวถังแบบเหล็กชิ้นเดียวครอบตัวเครื่อง และติดตั้งระบบเกียร์ไว้ใกล้ๆกับล้อหลัง การแข่งขันของทั้งสองบริษัทนี้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแม้กระทั่งในปัจจุบัน ผู้ใช้ scooter ก็ยังแบ่งเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน ต้นทศวรรษ 1950 ทั้ง Vespa และ Lambretta สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้มากชนิดที่วงการรถสองล้อไม่เคยมีมาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นผลให้ผูผลิตรถจักรยานยนต์ และยานยนต์ชนิดต่างๆ เกิดการแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นผู้ผลิตบางรายจะเน้น ที่รูปแบบและเครื่องยนต์ สำหรับบางรายยกเครื่อง scooter ใหม่หมด โดยการเปลี่ยนยานยนต์แบบประหยัด ให้กลายมาเป็นยานยนต์แบบเริดหรูและก้าวไกล ตลาดในขณะนั้นไม่สามารถรองรับความหลากหลาย ของสินค้าได้ทั้งหมด ทำให้สินค้าบางตัวมีอายุสั้นมาก แม้จะเป็นสินค้าชั้นยอดก็ตาม สินค้าชั้นดีหลายๆชนิดไม่ประสบผลสำเร็จทางธุระกิจเลย จุดตกต่ำของ scooter เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 เมื่อผูบริโภคหันหลังไปนิยมใช้รถยนต์ขนาดเล็กที่มีราคาถูก เช่น Fait 500 และ Fait Mini เป็นต้น ทั้งนี้เพราะป้องกันฝน และอากาศหนาวได้ดีกว่า ส่วนผู้ซื้อ scooter จะมีก็เพียงสมาชิกชมรมต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ในทศวรรษ 1990 scooter ของยุโรปยังมีหลงเหลือให้เห็นได้พอสมควร ทว่าในปัจจุบันผู้ผลิตของญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอิตาลี กำลังทำการผลิต scooter รุ่นที่สามออกมา โดยมีรูปทรงและภาพพจน์ที่สะดวกสบายต่อการขนส่ง มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และเสริมสีสรรที่โฉบเฉี่ยวเพื่อดึงดูดลูกค้าวัย รุ่นฐานะปาน</span></div><div style="color: red;"><span style="font-size: small;"><br />
</span></div><div class="separator" style="clear: both; color: red; text-align: center;"><span style="font-size: small;"><a href="http://www.yenta4.com/webboard/upload_images/1177061_6898941.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="" border="0" height="481" src="http://www.yenta4.com/webboard/upload_images/1177061_6898941.jpg" width="381" /></a></span></div>พาเพลินhttp://www.blogger.com/profile/01729684999920959185noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-3695470524530552371.post-51875156097197407042011-02-02T19:20:00.000-08:002011-02-02T19:20:34.303-08:00Access คืออะไร<h3 class="post-title entry-title" style="color: red; font-family: "Courier New",Courier,monospace;"><b style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;">access เป็นโปรแกรมที่ถูกใช้เพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูล ซึ่งง่ายสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ ในเรื่องการเขียนโปรแกรม และผู้ที่เคยพัฒนาระบบฐานข้อมูลมาก่อน โดยโปรแกรมนี้ จะช่วยให้การพัฒนาระบบ เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะองค์ประกอบต่าง ๆ มีเพื่อให้ผู้พัฒนาสร้างระบบขึ้นมาได้ง่าย และรวดเร็ว </b></h3><span style="color: red; font-size: small;"><b style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;">ระบบ Access Control ถ้าแปลตรงตัวก็คือระบบควบคุมการเข้าถึง แต่ถ้าพูดภาษาที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น ก็คือระบบควบคุมการผ่านเข้าหรือออก ในที่นี้เราจะใช้กับการผ่านเข้าออกประตูหรือการผ่านเข้าออกพื้นที่ ระบบ Access Control ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็ได้แก่ระบบ Key Card ซึ่งคำนี้เป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว ซึ่งระบบ Key Card สมัยก่อนๆ ใช้กุญแจที่ทำจากสแตนเลสต้องเสียบเข้าไปในช่องที่หน้าประตู พกใส่กระเป๋าสตางค์ไม่ได้</b></span>พาเพลินhttp://www.blogger.com/profile/01729684999920959185noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3695470524530552371.post-51718000575027691922011-02-02T19:13:00.001-08:002011-02-02T19:17:50.331-08:00Blog คืออะไร<div class="post-meta" style="font-family: "Trebuchet MS",sans-serif;"> </div><b style="color: #cc0000;"><span style="font-size: small;"><span style="font-family: "Trebuchet MS",sans-serif;">มารู้จักความหมาย ของประโยคคำถาม ที่มักจะมีคนถามผมบ่อย ๆ เวลาไปบรรยายตามที่ต่าง ๆ ว่า “Blog คืออะไร” กันดีกว่าครับ</span><strong style="font-family: "Trebuchet MS",sans-serif;"> </strong><span id="more-4" style="font-family: "Trebuchet MS",sans-serif;"></span><br style="font-family: "Trebuchet MS",sans-serif;" /><strong style="font-family: "Trebuchet MS",sans-serif;">Blog</strong></span> <span style="font-size: small;"><span style="font-family: "Trebuchet MS",sans-serif;"> มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)</span><br style="font-family: "Trebuchet MS",sans-serif;" /><strong style="font-family: "Trebuchet MS",sans-serif;">ความหมายของคำว่า Blog</strong></span> <span style="font-size: small;"><span style="font-family: "Trebuchet MS",sans-serif;"> ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง </span></span></b>พาเพลินhttp://www.blogger.com/profile/01729684999920959185noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3695470524530552371.post-49199830796904110352011-02-02T19:10:00.001-08:002011-02-02T19:17:50.357-08:00Access<h3 class="post-title entry-title" style="color: red; font-family: "Courier New",Courier,monospace;"><span style="font-size: small;">ส่วนประกอบของฐานข้อมูล Access</span></h3><div class="post-header" style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;"> </div><span style="font-family: "Courier New",Courier,monospace; font-size: small;">ส่วนต่างๆ ต่อไปนี้เป็นการอธิบายส่วนประกอบของฐานข้อมูล Access โดยทั่วไปแบบย่อ เมื่อต้องการศึกษาเพิ่มเติมในแต่ละส่วน ให้ติดตามการเชื่อมโยงในส่วน <b class="ui">ดูเพิ่มเติม</b> ของบทความนี้</span> <hr class="bmktocrule" style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;" /> <ul id="bmkTOClist" style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;"><li id="bmkTOClinks"><span style="font-size: small;"><a href="http://office.microsoft.com/th-th/access-help/HA010064450.aspx#BMtables">ตาราง</a></span></li>
<li id="bmkTOClinks"><span style="font-size: small;"><a href="http://office.microsoft.com/th-th/access-help/HA010064450.aspx#BMforms">ฟอร์ม</a></span></li>
<li id="bmkTOClinks"><span style="font-size: small;"><a href="http://office.microsoft.com/th-th/access-help/HA010064450.aspx#BMreports">รายงาน</a></span></li>
<li id="bmkTOClinks"><span style="font-size: small;"><a href="http://office.microsoft.com/th-th/access-help/HA010064450.aspx#BMqueries">แบบ สอบถาม</a></span></li>
<li id="bmkTOClinks"><span style="font-size: small;"><a href="http://office.microsoft.com/th-th/access-help/HA010064450.aspx#BMmacros">แม โคร</a></span></li>
<li id="bmkTOClinks"><span style="font-size: small;"><a href="http://office.microsoft.com/th-th/access-help/HA010064450.aspx#BMmodules">โม ดูล</a></span></li>
</ul><hr class="bmktocrule" style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;" /><span style="font-family: "Courier New",Courier,monospace; font-size: small;"><a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMtables" name="BMtables"></a></span><h3 style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;"><span style="font-size: small;"><a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="RB2" name="RB2"></a><a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMtables" name="BMtables"></a><span style="color: red;">ตาราง</span></span></h3><span style="font-family: "Courier New",Courier,monospace; font-size: small;">ตารางฐานข้อมูลจะมีลักษณะคล้ายกับกระดาษ คำนวณ นั่นคือข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในแถวและคอลัมน์ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องค่อนข้างง่ายในการนำเข้าข้อมูลจากกระดาษคำนวณไปยังตารางฐาน ข้อมูล โดยข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างการเก็บข้อมูลของคุณในกระดาษคำนวณและการเก็บใน ฐานข้อมูลจะอยู่ที่วิธีการจัดระเบียบข้อมูล<br />
เมื่อต้องการความยืดหยุ่นสำหรับฐานข้อมูลให้มากที่สุด ข้อมูลต้องมีการจัดระเบียบลงในตารางเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพนักงาน ควรป้อนข้อมูลของพนักงานแต่ละคนเข้าไปในตารางที่ใช้เก็บข้อมูลพนักงานเพียง ครั้งเดียว ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จะเก็บในตารางของผลิตภัณฑ์ และข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ของสาขาจะเก็บในตารางอื่น กระบวนการนี้เรียกว่า <i>การ ทำ</i><i> Normalization</i><br />
แต่ละแถวในตารางจะถูกอ้างอิงเป็นหนึ่งระเบียน ระเบียนคือที่ที่ใช้เก็บข้อมูลแต่ละส่วน แต่ละระเบียนจะประกอบด้วยเขตข้อมูลอย่างน้อยหนึ่งเขตข้อมูล เขตข้อมูลจะสอดคล้องกับคอลัมน์ในตาราง ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีตารางหนึ่งที่ชื่อ "พนักงาน" ซึ่งแต่ละระเบียน (แถว) จะมีข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับพนักงานหนึ่งคน และแต่ละเขตข้อมูล (คอลัมน์) จะมีชนิดข้อมูลที่ต่างกัน เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ และอื่นๆ เขตข้อมูลนั้นต้องได้รับการออกแบบให้มีชนิดข้อมูลที่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นข้อความ วันที่หรือเวลา ตัวเลข หรือชนิดข้อมูลอื่นๆ<br />
อีกวิธีหนึ่งที่จะอธิบายให้เห็นภาพของระเบียนและเขตข้อมูลก็คือให้นึกถึง ชุดบัตรข้อมูลรุ่นเก่าของห้องสมุด โดยบัตรข้อมูลแต่ละใบที่อยู่ในตู้บัตรรายการจะเทียบเท่ากับ<i>ระเบียน</i>ใน ฐานข้อมูล ส่วนข้อมูลแต่ละส่วนบนบัตรแต่ละใบ (ชื่อผู้แต่ง ชื่อเรื่อง และอื่นๆ) จะเทียบเท่ากับ<i>เขตข้อมูล</i>ในฐานข้อมูล<br />
<a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMforms" name="BMforms"></a></span> <h3 style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;"><span style="font-size: small;"><a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMforms" name="BMforms"></a><span style="color: red;">ฟอร์ม</span></span></h3><span style="font-family: "Courier New",Courier,monospace; font-size: small;">ในบางครั้งฟอร์มจะถูกอ้างอิงเป็น "หน้าจอสำหรับป้อนข้อมูล" ซึ่งเป็นส่วนติดต่อที่คุณใช้ทำงานกับข้อมูลของคุณ และฟอร์มมักมีปุ่มคำสั่งที่ใช้ดำเนินการคำสั่งได้หลากหลาย คุณสามารถสร้างฐานข้อมูลโดยไม่ต้องใช้ฟอร์มด้วยการแก้ไขข้อมูลของคุณอย่าง ง่ายๆ ในแผ่นข้อมูลตาราง อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ฐานข้อมูลส่วนใหญ่ต้องการที่จะใช้ฟอร์มเพื่อดู ป้อนข้อมูล และแก้ไขข้อมูลในตารางมากกว่า<br />
ฟอร์มจะให้รูปแบบที่ง่ายต่อการใช้สำหรับทำงานกับข้อมูล และคุณสามารถเพิ่มองค์ประกอบการใช้งาน เช่น ปุ่มคำสั่ง ลงในฟอร์มได้ด้วย คุณอาจเขียนโปรแกรมให้กับปุ่มต่างๆ เพื่อใช้กำหนดว่าจะให้ข้อมูลใดบ้างปรากฏบนฟอร์ม เปิดฟอร์มหรือรายงานอื่นๆ หรือดำเนินงานอื่นหลากหลายประเภท ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีฟอร์มชื่อ "ฟอร์มลูกค้า" ที่คุณใช้ทำงานกับข้อมูลลูกค้า ฟอร์มลูกค้าอาจมีปุ่มที่ใช้เปิดฟอร์มใบสั่งซื้อที่คุณสามารถป้อนรายการสั่ง ซื้อใหม่สำหรับลูกค้ารายนั้นได้<br />
นอกจากนี้ ฟอร์มยังอนุญาตให้คุณสามารถควบคุมวิธีที่ผู้ใช้รายอื่นจะโต้ตอบกับข้อมูลใน ฐานข้อมูลด้วย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสร้างฟอร์มที่แสดงเฉพาะบางเขตข้อมูลและอนุญาตให้มีการดำเนินการได้ เพียงบางอย่างเท่านั้น สิ่งนี้จะช่วยป้องกันข้อมูลและทำให้แน่ใจได้ว่าข้อมูลจะถูกป้อนอย่างถูกต้อง<br />
<a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMreports" name="BMreports"></a></span> <h3 style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;"><span style="font-size: small;"><a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMreports" name="BMreports"></a><span style="color: red;">รายงาน</span></span></h3><span style="font-family: "Courier New",Courier,monospace; font-size: small;">รายงานเป็นสิ่งที่คุณใช้เพื่อสรุปและนำ เสนอข้อมูลในตาราง บ่อยครั้งที่รายงานจะตอบคำถามตามที่ระบุไว้ เช่น "เรารับเงินจากลูกค้าแต่ละรายเป็นจำนวนเท่าไรในปีนี้" หรือ "ลูกค้าของเราอยู่ที่เมืองใดบ้าง" แต่ละรายงานสามารถกำหนดรูปแบบให้นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่อ่านง่ายที่สุดได้<br />
รายงานสามารถถูกเรียกใช้เวลาใดก็ได้ และจะแสดงข้อมูลปัจจุบันในฐานข้อมูลเสมอ โดยทั่วไปรายงานจะถูกจัดรูปแบบให้สามารถพิมพ์ออกมาได้ แต่คุณก็ยังสามารถดูรายงานบนหน้าจอ ส่งออกไปยังโปรแกรมอื่น หรือส่งเป็นข้อความอีเมลได้เช่นกัน<br />
<a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMqueries" name="BMqueries"></a></span> <h3 style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;"><span style="font-size: small;"><a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMqueries" name="BMqueries"></a><span style="color: red;">แบบสอบถาม</span></span></h3><span style="font-family: "Courier New",Courier,monospace; font-size: small;">แบบสอบถามเป็นส่วนสำคัญในฐานข้อมูลและ สามารถดำเนินการฟังก์ชันที่ต่างกัน ได้จำนวนมาก ฟังก์ชันทั่วไปส่วนใหญ่ของแบบสอบถามคือการดึงข้อมูลที่ระบุจากตารางต่างๆ ออกมา โดยข้อมูลที่คุณต้องการดูอาจจะกระจายอยู่ในหลายๆ ตารางก็ได้ และแบบสอบถามจะทำให้คุณสามารถดูข้อมูลที่ต้องการได้ในรูปของแผ่นข้อมูลเดียว นอกจากนี้ ถ้าคุณไม่ต้องการดูระเบียนทั้งหมดพร้อมกัน แบบสอบถามจะให้คุณเพิ่มเงื่อนไขเพื่อ "กรอง" ข้อมูลเอาเฉพาะระเบียนที่คุณต้องการออกมา บ่อยครั้งที่แบบสอบถามทำหน้าที่เป็นแหล่งระเบียนสำหรับฟอร์มและรายงานต่างๆ<br />
แบบสอบถามบางชุด "สามารถปรับปรุงได้" นั่นหมายความว่า คุณสามารถแก้ไขข้อมูลในตารางต้นแบบผ่านแผ่นข้อมูลแบบสอบถามได้ ถ้าคุณทำงานในแบบสอบถามที่สามารถปรับปรุงได้ โปรดจำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงของคุณจะมีผลกับตารางต่างๆ ด้วย ไม่ใช่เฉพาะในแผ่นข้อมูลแบบสอบถามเท่านั้น<br />
แบบสอบถามมีรูปแบบพื้นฐานสองรูปแบบ ได้แก่ แบบสอบถามแบบใช้เลือกข้อมูลและแบบสอบถามแอคชัน แบบสอบถามแบบใช้เลือกข้อมูลจะเรียกใช้ข้อมูลและทำให้ข้อมูลพร้อมใช้งานได้ อย่างง่ายดาย คุณสามารถดูผลลัพธ์ของแบบสอบถามบนหน้าจอ พิมพ์แบบสอบถาม หรือคัดลอกไปยังคลิปบอร์ด หรือคุณสามารถใช้ผลลัพธ์ของแบบสอบถามเป็นแหล่งระเบียนสำหรับฟอร์มหรือรายงาน ได้<br />
แบบสอบถามแอคชัน (เหมือนกับชื่อ) จะดำเนินงานกับข้อมูล โดยแบบสอบถามแอคชันสามารถใช้สร้างตารางใหม่ เพิ่มข้อมูลลงในตารางที่มีอยู่ ปรับปรุงข้อมูล หรือลบข้อมูลได้<br />
<a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMmacros" name="BMmacros"></a></span> <h3 style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;"><span style="font-size: small;"><a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMmacros" name="BMmacros"></a><span style="color: red;">แมโคร</span></span></h3><span style="font-family: "Courier New",Courier,monospace; font-size: small;">แมโครใน Access นั้นจะเหมือนกับภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมอย่างง่ายที่คุณสามารถใช้เพื่อ เพิ่มหน้าที่การใช้งานให้กับฐานข้อมูลของคุณ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถแนบแมโครลงในปุ่มคำสั่งบนฟอร์ม เพื่อให้แมโครนั้นทำงานเมื่อใดก็ตามที่มีการกดปุ่ม แมโครจะมีแอคชันที่ใช้ดำเนินงานหลายอย่าง เช่น การเปิดรายงาน การเรียกใช้แบบสอบถาม หรือการปิดฐานข้อมูล โดยการดำเนินการกับฐานข้อมูลส่วนใหญ่ที่คุณทำด้วยตนเองนั้นสามารถทำได้ อัตโนมัติโดยใช้แมโคร ดังนั้นแมโครจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยประหยัดเวลาที่อย่างมาก<br />
<a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMmodules" name="BMmodules"></a></span> <h3 style="font-family: "Courier New",Courier,monospace;"><span style="font-size: small;"><a href="http://wanna99.blogspot.com/2011/01/access_31.html" id="BMmodules" name="BMmodules"></a><span style="color: red;">โมดูล</span></span></h3><span style="font-family: "Courier New",Courier,monospace; font-size: small;">โมดูล (คล้ายแมโคร) เป็นวัตถุที่คุณสามารถใช้เพื่อเพิ่มหน้าที่การใช้งานให้กับฐานข้อมูลได้ ขณะที่คุณสร้างแมโครใน Access ด้วยการเลือกจากรายการแอคชันของแมโคร แต่คุณจะสามารถเขียนโมดูลได้ในภาษาการเขียนโปรแกรม <a class="glossary" href="javascript:AppendPopup(this,'864322666_1')">Visual Basic for Applications (VBA)<span class="AsstInlineDefText"><span class="ACICollapsed" id="divInlineDef_864322666_1"> (Visual Basic สำหรับ Applications (VBA): รุ่นภาษาแมโครของ Microsoft Visual Basic ที่นำมาใช้เพื่อตั้งโปรแกรมให้กับโปรแกรมประยุกต์ของ Microsoft Windows และรวมอยู่ในโปรแกรมต่าง ๆ ของไมโครซอฟท์)</span></span></a> โมดูลเป็นคอลเลกชันของการประกาศ คำสั่ง และกระบวนงานที่ถูกเก็บไว้ด้วยกันเป็นหน่วยเดียว โมดูลสามารถเป็นได้ทั้งคลาสโมดูลหรือโมดูลมาตรฐาน คลาสโมดูลจะถูกแนบไว้ในฟอร์มหรือรายงาน และมักจะประกอบด้วยกระบวนงานที่เฉพาะเจาะจงไปยังฟอร์มหรือรายงานที่คลาสโมดู ลแนบอยู่ ส่วนโมดูลมาตรฐานจะประกอบด้วยกระบวนงานทั่วไปที่ไม่สัมพันธ์กับวัตถุอื่นใด โมดูลมาตรฐานจะถูกแสดงอยู่ภายใต้ <b class="ui">โมดูล</b> ในบานหน้าต่างนำทาง ขณะที่คลาสโมดูลจะไม่ถูกแสดงไว้ </span>พาเพลินhttp://www.blogger.com/profile/01729684999920959185noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3695470524530552371.post-78628100257262014822011-02-02T18:48:00.001-08:002011-02-02T19:17:50.365-08:00Excel<div class="post-header"> </div><span style="color: red; font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;"><b>ส่วนประกอบของ Microsoft Excel</b></span><span style="font-family: Tahoma;"><b><br />
</b></span><span style="font-family: Tahoma;"> 1. </span><span style="font-family: Tahoma;"><b>แถบ ชื่อ (Title Bar)</b></span><span style="font-family: Tahoma;"> คือส่วนที่แสดงชื่อ ของโปรแกรมนั้น ซึ่งคือ </span><span style="font-family: Tahoma;"><b>Microsoft Excel </b></span><span style="font-family: Tahoma;">แสดง ชื่อของแฟ้มหรือสมุดงานแทน</span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><b>2. </b></span><span style="font-family: Tahoma;"><b>แถบคำสั่ง (Menu Bar) </b></span><span style="font-family: Tahoma;">คือแถว ที่รวมคำสั่งที่ใช้ในการทำงานได้แก่ แฟ้ม(File) แก้ไข(Edit) มุมมอง(View) แทรก(Insert) รูปแบบ(Format) เครื่องมือ(Tool) ข้อมูล(Data) หน้าต่าง(Window) ตัวช่วย(Help)</span><br />
<span style="font-family: Tahoma;">3. </span><span style="font-family: Tahoma;"><b>แถบ เครื่องมือ(Tool Bar)</b></span><span style="font-family: Tahoma;"> เป็นแถบที่ใช้แสดงเครื่องมือสำหับสั่งให้ </span><span style="font-family: Tahoma;"><b>Microsoft Excel </b></span><span style="font-family: Tahoma;">ทำงาน ในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่<br />
3.1 แถบเครื่องมือมาตรฐาน(Standard Tool Bar)</span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><img border="0" height="21" src="http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/phisamai_s/excel/picture/e4.jpg" width="642" /><br />
3.2 แถบเครื่องมือจัดรูปแบบ (Formating Tool Bar)</span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><img border="0" height="21" src="http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/phisamai_s/excel/picture/e5.jpg" width="647" /><br />
3.3 แถบเครื่องมือรูปวาด (Drawing Tppl Bar)</span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><img border="0" height="20" src="http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/phisamai_s/excel/picture/e6.jpg" width="604" /></span><br />
<span style="font-family: Tahoma;">4. </span><span style="font-family: Tahoma;"><b>แถบ สูตร (Formular Bar)</b></span><span style="font-family: Tahoma;"> เป็นส่วนที่ใช้แสดงข้อมูลและสูตรต่าง ๆ ในเซลล์ที่เรากำลังทำงานอยู่ ใช้ป้อนข้อมูลและแก้ไขข้อมูล</span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><img border="0" height="15" src="http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/phisamai_s/excel/picture/e9.jpg" width="629" /></span><br />
<span style="font-family: Tahoma;">5. </span><span style="font-family: Tahoma;"><b>แถบ ชีตงาน (Sheet Bar)</b></span><span style="font-family: Tahoma;"> แสดงชื่อชีทงานที่ใช้งานอยู่</span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><img border="0" height="19" src="http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/phisamai_s/excel/picture/e7.jpg" width="249" /></span><br />
<span style="font-family: Tahoma;">6. </span><span style="font-family: Tahoma;"><b>แถบ สถานะ (Status Bar)</b></span><span style="font-family: Tahoma;"> เป็นส่วนที่แสดงสถานะการทำงานของ Excel และแป้นพิมพ์</span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><img border="0" height="23" src="http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/phisamai_s/excel/picture/e8.jpg" width="102" /><br />
7. </span><span style="font-family: Tahoma;"><b> แถบ เลื่อน (Scroll Bar)</b></span><span style="font-family: Tahoma;"> ใช้เลื่อนเอกสารไปซ้าย - ขวา หรือ เลื่อนขึ้น - ลง</span><br />
<span style="font-family: Tahoma;">8. </span><span style="font-family: Tahoma;"><b>ตัว ชี้เซลล์ (Active Cell) </b></span><span style="font-family: Tahoma;">คือเซลลืที่กำลังถูกใช้งานในขณะนั้น เซลล์ที่เป็นแอกทีพเซลล์จะมีเส้นกรอบแบบสีดำล้อมรอบอยู่</span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><img border="0" height="39" src="http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/phisamai_s/excel/picture/e10.jpg" width="92" /></span><br />
<span style="font-family: Tahoma;">9. </span><span style="font-family: Tahoma;"><b>สมุด งาน (Work Book)</b></span><span style="font-family: Tahoma;">คือ ไฟล์ที่สร้างจากExcel ซึ่งประกอบ Work sheet หลายแผ่นมารวมกัน</span><br />
<span style="font-family: Tahoma;">10. </span><span style="font-family: Tahoma;"><b>แผ่น งาน(Work Sheet)</b></span><span style="font-family: Tahoma;"> หมายถึงพื้นที่ส่วนที่ใช้เป็ฯกระดาษคำนวณมีลักษณะเป็นตาราง เราสามารถป้อนข้อมูลและสูตรคำนวณต่าง ๆ ลงไปในเซลล์ นอกจากข้อมูลในเซล์แล้วยังสามารถวางวัตถุ เช่น รูปภาพหรือชาร์ท(Chart) ลงบนแผ่นงานได้อีกด้วย</span></span>พาเพลินhttp://www.blogger.com/profile/01729684999920959185noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3695470524530552371.post-38366012999893831012010-12-24T21:42:00.000-08:002010-12-24T21:54:29.139-08:00เกล็ดความรู้ทางวิทยาศาสตร์<h3 class="post-title entry-title"><span style="font-size: small;"><span style="color: #e06666;">หินเกลือ หิมาลัย (Himalayan crystal rock salt) <span lang="TH" style="line-height: 118%;">เกิด จากธรรมชาติเป็นเวลากว่า </span><span lang="EN" style="line-height: 118%;">250 </span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">ล้านปี มีแร่ธาตุต่าง ๆ 84 ชนิด </span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">หิน เกลือสามารถปล่อยประจุลบ(</span><span lang="EN" style="line-height: 118%;">Negative Ions)</span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">ซึ่งเรียกว่าวิตามินอากาศ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ผล การวิจัยของนักวิทยาศาสตร์พบว่าการใช้โคมไฟผลึกหินเกลือบริสุทธิ์</span><span lang="EN" style="line-height: 118%;"> </span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">สามารถเพิ่มประจุลบ ในบรรยากาศได้มากถึง </span><span lang="EN" style="line-height: 118%;">300 % “Dr.Albert P.Krueger” </span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">นักจุลินทรีย์ และผู้เชี่ยวชาญวิชาอายุรเวชแห่งมหาวิทยาลัย</span><span lang="EN" style="line-height: 118%;"> California </span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">กล่าวว่าเป็นที่น่าอัศจรรย์ที่จำนวน น้อยของประจุลบสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และทำลายออกจากอากาศได้อย่างรวดเร็ว</span><span lang="EN" style="line-height: 118%;"> </span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยมากที่จะมีผล ต่อผู้คน เปรียบได้ว่า โคมไฟผลึกหินเกลือบริสุทธิ์ เป็นเหมือนเครื่องฟอกอากาศจากธรรมชาติ <span lang="EN" style="line-height: 118%;"></span></span></span></span></h3><div class="post-body entry-content"><div class="MsoBodyText3" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: #e06666;"><span style="font-size: large;"><b><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">ประโยชน์ของโคมไฟผลึกหินเกลือบริสุทธิ์ </span></b><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">ทำให้ผ่อนคลาย</span><span lang="TH" style="font-family: Tahoma; line-height: 118%;"> </span></span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;"><span style="font-size: large;">เพิ่ม สมาธิ</span> </span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">ลดการแผ่รังสีจากจอมอนิเตอร์(</span><span style="line-height: 118%;">CRT<span lang="TH">)</span></span><span lang="TH" style="line-height: 118%;"> </span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">บรรเทาอาการไมเกรนและอาการปวดหัว ช่วยในคนป่วยโรคหืด หอบ ภูมิแพ้ ช่วยทำให้การนอนหลับเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์</span><span lang="TH" style="font-family: Tahoma; line-height: 118%;"> </span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">ลดกลิ่น</span><span lang="EN" style="line-height: 118%;"> </span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">กำจัดควัน บุหรี่</span><span lang="EN" style="line-height: 118%;"> </span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">ขจัดแบคทีเรีย </span><span lang="TH" style="line-height: 118%;"> </span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">ฝุ่นละออง</span><span lang="EN" style="line-height: 118%;"> </span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">ไรฝุ่น</span><span lang="EN" style="line-height: 118%;"> </span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">ละอองเกสร เชื้อราต่าง ๆ ออกจากอากาศได้อย่างรวดเร็ว</span><span style="font-family: Tahoma; line-height: 118%;"></span></span></div><div class="MsoBodyText3" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: #e06666;"><b><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">ประโยชน์ของการอาบน้ำด้วยเกลือหิมาลัย</span></b><span lang="TH" style="line-height: 118%;"><span style="font-family: Gill Sans MT;"> </span></span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">การแช่น้ำด้วยเกลือหิมาลัย 30 นาที</span><span lang="TH" style="line-height: 118%;"><span style="font-family: Gill Sans MT;"> </span></span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">เทียบเท่ากับการขับสารพิษต่อเนื่อง 3 วัน</span><span lang="TH" style="line-height: 118%;"><span style="font-family: Gill Sans MT;"> </span></span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">ช่วยปรับสภาวะความเป็นกรดด่าง ทำให้ผิวหนังและร่างกายดูดซึมแร่ธาตุถึง 84</span><span lang="TH" style="line-height: 118%;"><span style="font-family: Gill Sans MT;"> </span></span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">ชนิดด้วยกัน เช่น แมกนีเซียม โปตัสเซียม โปรไมด์ แคลเซียม ทำให้ผิวชุ่มชื้น ผุดผ่องเรืองรอง</span><span lang="TH" style="line-height: 118%;"><span style="font-family: Gill Sans MT;"> </span></span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;">เกลือหิมาลัยยังช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิตในร่างกาย ทำให้ระบบเลือดลมดี บรรเทาอาการผดผื่นคัน สิว ผิวหนังอ่อนแอมีปัญหา ถ้านำไปแช่เท้าพลังงานไอออนจากเกลือจะช่วยเร่งประสิทธิภาพในการดีทอกซ์ดูด ของเหลวเสียในร่างกายที่รวมอยู่ที่เท้าออก</span><span style="font-family: Gill Sans MT;"><span lang="TH" style="line-height: 118%;"> </span><span lang="TH" style="font-family: BrowalliaUPC; line-height: 118%;"></span></span></span></div><div class="MsoBodyText3" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><br />
<br />
<b><span style="color: #e06666;">การใช้โคม ไฟผลึกหินเกลือบริสุทธิ์ สามารถวางไว้ใน สถานที่ต่าง ๆ เช่น สำนักงาน ,ภัตตาคาร บาร์,ห้องโยคะเตียงนอน ,ห้องเรียน, ห้องรับแขก, โต๊ะคอมพิวเตอร์ รวมทั้งเสริมฮวงจุ้ย ช่วยเพิ่มพลังภายในห้องต่าง ๆ<span lang="EN" style="line-height: 118%;"></span></span></b></div><div class="MsoBodyText3"><b><span lang="TH" style="color: #e06666; line-height: 118%;">ขนาดของโคมไฟผลึกหินเกลือ บริสุทธิ์ที่เหมาะสมกับขนาดห้อง </span></b><b><span lang="EN" style="line-height: 118%;"></span></b></div><div class="MsoBodyText3"><span style="color: #e06666;"><span lang="TH" style="line-height: 118%;">น้ำหนัก </span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">2-<metricconverter productid="3 kg" w:st="on">3 <span lang="EN-US">kg</span></metricconverter><span lang="EN-US"> = </span></span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">ห้อง ขนาด <metricconverter productid="10 m2" w:st="on">10 <span lang="EN-US">m<sup>2</sup></span></metricconverter></span><span style="line-height: 118%;"> <span lang="TH"> น้ำหนัก </span></span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">3-<metricconverter productid="6 kg" w:st="on">6 <span lang="EN-US">kg</span></metricconverter><span lang="EN-US"> = </span></span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">ห้อง ขนาด <metricconverter productid="15 m2" w:st="on">15 <span lang="EN-US">m<sup>2</sup></span></metricconverter></span><span style="line-height: 118%;"> <span lang="TH">น้ำหนัก 6</span></span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">-<metricconverter productid="10 kg" w:st="on">10 <span lang="EN-US">kg</span></metricconverter><span lang="EN-US"> = </span></span><span lang="TH" style="line-height: 118%;">ห้องขนาด <metricconverter productid="20 m2" w:st="on">20 <span lang="EN-US">m<sup>2</sup></span></metricconverter></span><span style="line-height: 118%;"> </span></span></div><span style="color: #e06666;"><b><span lang="TH" style="line-height: 118%;">การดูแลรักษา </span></b><span lang="TH" style="line-height: 118%;">โคมไฟผลึกหินเกลือบริสุทธิ์ ใช้หลอดไฟฟ้า ขนาด 15 วัตต์ การเปิดโคมไฟไว้ตลอดทั้งวัน 24 ชม. ภายในระยะเวลา 1 เดือน จะเสียค่าไฟฟ้าประมาณ 30 บาทต่อเดือน ซึ่งความร้อนจากแสงไฟจะช่วยป้องกันการสะสมความชื้นรอบ ๆ ตัวโคม และปล่อยประจุลบ ทำให้บรรยากาศโดยรอบดีอยู่ตลอดเวลา เมื่อ ไม่ได้ใช้โคมไฟ ควรครอบโคมไฟด้วยถุงพลาสติก เพื่อป้องกันความชื้นจากสภาพอากาศ อย่าเก็บโคมไฟผลึกหินเกลือบริสุทธิ์ในห้องน้ำหรือในห้องที่มีความชื้นสูงหาก ไม่ได้ใช้งาน</span></span><br />
</div><div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;"><br />
</div><div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgtqAh9dMOhfpSP3ff3TJESgZgc7LPPTWarZmgzrMijVzcxKbZPIaAoc4euZYIOklt2DJlu-M-KNCiCEms1L2KO-ZmKmnyCAkUMfqQTVPUibnKrJZlIwaQqkXXGz6PTPOfpQI8PajXFwiE/s1600/9759_4162_090113134047_0Y.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" n4="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgtqAh9dMOhfpSP3ff3TJESgZgc7LPPTWarZmgzrMijVzcxKbZPIaAoc4euZYIOklt2DJlu-M-KNCiCEms1L2KO-ZmKmnyCAkUMfqQTVPUibnKrJZlIwaQqkXXGz6PTPOfpQI8PajXFwiE/s320/9759_4162_090113134047_0Y.jpg" width="320" /></a></div>พาเพลินhttp://www.blogger.com/profile/01729684999920959185noreply@blogger.com11tag:blogger.com,1999:blog-3695470524530552371.post-87019919665220777242010-11-11T05:24:00.000-08:002010-11-11T05:30:06.568-08:00ความรัก<div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOLKl-R7eHcEBawsHKUfN71nrLModGKgYsbK0c0svsr7B0lrZFMQQAl7IttvWXP9cPrJuU1Ar2loGXnya8r0ctequCiNteGCFTzVkcquM3PtbtPOlwxZtSbZE3v5yfJM3KCJpPdm5yFZo/s1600/44-15.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" px="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOLKl-R7eHcEBawsHKUfN71nrLModGKgYsbK0c0svsr7B0lrZFMQQAl7IttvWXP9cPrJuU1Ar2loGXnya8r0ctequCiNteGCFTzVkcquM3PtbtPOlwxZtSbZE3v5yfJM3KCJpPdm5yFZo/s320/44-15.jpg" width="211" /></a></div><div style="background-color: transparent; border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; color: black; overflow: hidden; text-align: left; text-decoration: none;"></div><div style="background-color: transparent; border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; color: black; overflow: hidden; text-align: left; text-decoration: none;"><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: #e06666; font-family: "Courier New", Courier, monospace;">ความรักบางครั้งก็แปลกเวลาเราวิ่งตามบางครั้งมันก็มักจะวิ่งหนีเรา<br />
แต่พอเราเหนื่อยและท้อไม่อยากจะตามมัน<br />
เจ้าความรักนี่กลับมาหยุดอยู่ใกล้ๆเรานี่เอง<br />
ฤาเราอาจจะเปรียบความรักได้กับเงาของมนุษย์<br />
ที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้<br />
<br />
ตราบที่เรายังมีชีวิตคงยากที่จะหลีกเหลี่ยงที่จะมีรัก<br />
หลายคนคงพยายามที่จะให้คำจำกัดความกับความรัก<br />
แต่แท้จริงแล้วคงยากที่จะจำกัดขอบเขตของความรัก<br />
เพราะเราคงไม่สามารถใช้ข้อกำหนดอะไรมาเป็นตัวกีดกั้นความรัก<br />
ไม่ว่าจะเป็น เชื้อชาติ ศาสนา อายุ หรือ แม้แต่เพศก็ตาม<br />
ถ้ามีคำถามว่าเมื่อไหร่ความรักจะเกิดขึ้นกับเราคงยากที่จะตอบ<br />
แต่เราจะทราบด้วยสัญชาติญานเองว่าเมื่อไหร่ความรักกำลังเข้ามาเยี่ยมเยือนเรา<br />
ในชีวิตคนเรานั้นคงไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้สัมผัสความรู้สึก<br />
ว่าได้รักใครหรือกำลังถูกรักโดยใครบางคน<br />
<br />
อย่างไรก็ตามคนทั่วไปต่างมุ่งหวังที่จะอยู่ในอารมณ์<br />
ที่จะรักใครมากกว่าที่จะถูกรักโดยใคร<br />
ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะว่ามนุษย์เราเคยชินกับการเลือกมากกว่าที่จะถูกเลือก<br />
แต่ไม่ว่าจะเป็นอารมภ์ใดก็ตามกล่าวได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ดีทั้งสิ้น<br />
มีมนุษย์หลายคนที่เกิดมาโดยไม่รู้จักหรือสัมผัสกับความรัก<br />
หรือบางคนไม่แม้แต่ที่จะรักใคร อารมภ์ความรักเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก<br />
ไม่สามารถสอนกันได้ แต่สามารถสื่อสารกันได้ด้วยความรู้สึกล้วนๆ<br />
<br />
ดังนั้นเมื่อใดความรักได้ผ่านเข้ามาเยี่ยมเยียมและได้จากเราไป<br />
จงอย่าเสียใจ เพราะนั่นทำมันให้ท่านได้สัมผัสความวิเศษสุด<br />
ในความเป็นมนุษย์อย่าสมบูรณ์แล้ว<br />
อย่างไรก็ตามอย่ากลัวที่จะรักอีก<br />
และอย่าพยายามสร้างขอบเขตและข้อจำกัดในรัก<br />
เพราะมิฉะนั้นเราอาจจะไม่พบและไม่เจอะเจอมันอีกเลย...</span></div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><br />
</div><span style="color: #e06666; font-family: "Courier New", Courier, monospace;"></span></div><div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhN5rxTGT7KXzn_XyQiISpz8UpV6INtKhs-Xi-GF51vflelcvVemdKwKTcqRWjwo6V2kSQoI2UQfQZ6YqZ75vMYoaq-jDpzxrWcxzaOmHuyqYm_pp_MAnxmUs39qa49wYPEcjmGzDlVPMA/s1600/4.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="133" px="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhN5rxTGT7KXzn_XyQiISpz8UpV6INtKhs-Xi-GF51vflelcvVemdKwKTcqRWjwo6V2kSQoI2UQfQZ6YqZ75vMYoaq-jDpzxrWcxzaOmHuyqYm_pp_MAnxmUs39qa49wYPEcjmGzDlVPMA/s200/4.jpg" width="200" /></a></div>พาเพลินhttp://www.blogger.com/profile/01729684999920959185noreply@blogger.com4